ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์จากสถิติของสถาบันยานยนต์พบว่า ในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ด้วยกันเอง แม้ว่าโดยรวมแล้ว ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2557 จะหดตัวลงร้อยละ 38 ซึ่งในส่วนของรถกระบะคาร์โก้ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 92 ของตลาดรวมรถเพื่อการพาณิชย์นั้น หดตัวถึงร้อยละ 36 โดยพบว่าเกิดจากการหดตัวลงของรถกระบะ Double cab เป็นหลัก ถึงร้อยละ 53.3 ขณะที่รถกระบะคาร์โก้ 1 ตัน หดตัวร้อยละ 28.3 และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก หดตัวน้อยที่สุดร้อยละ 20.9 แสดงให้เห็นแนวโน้มว่าในปีนี้รถกระบะ Double cab น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะช่วงกว่า 2 ปี ที่ผ่านมา รถกระบะ Double cab ซึ่งเป็นรถรุ่นราคาสูงที่สุดในกลุ่มรถกระบะคาร์โก้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการรถยนต์คันแรก ทำให้เงินคืนภาษีที่ได้ก็สูงตามไปด้วย ส่งผลให้ถูกกระตุ้นกำลังซื้อที่เกินกว่าความต้องการซื้อจริงในตลาดไปมาก ความต้องการซื้อในปัจจุบันจึงมีทิศทางที่ชะลอตัวลง ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก ไม่ได้ประโยชน์จากโครงการ ทำให้ตลาดไม่ถูกบิดเบือนไปมาก การหดตัวที่น้อยกว่าของรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก จึงมาจากประเด็นเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองที่อาจยืดเยื้อเป็นหลัก ทำให้ในปี 2557 นี้ รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุกจึงน่าจะเป็นกลุ่มที่หดตัวลงน้อยที่สุด ขณะที่รถกระบะคาร์โก้ Double cab จะหดตัวลงมากที่สุด

โดยรถเพื่อการพาณิชย์อาจได้รับผลกระทบมากในตลาดรถกระบะคาร์โก้ต่างจังหวัด จากกำลังซื้อที่หดหาย เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่ยังต้องรอความชัดเจน นอกจากนี้ราคาสินค้าเกษตรอื่นๆก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากอุปทานที่ล้นตลาดในตลาดโลก ประกอบกับในสภาวะทางธุรกิจโดยรวมที่ตลาดรถกระบะคาร์โก้ในประเทศยังซบเซา ก็คงทำให้ธุรกิจต่างๆยังไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มจำนวนรถขนส่งสินค้า ขณะที่โครงการลงทุนภาครัฐก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินนโยบายหลายอย่างได้สะดวกในช่วงระยะนี้ ซึ่งรายได้เกษตรกรที่ลดลงและการลงทุนที่ลดลง ย่อมกระทบยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกนี้