Monthly Archives: January 2017

เที่ยวยุโรปงสายโรแมนติก

ทัวร์ยุโรป

 

เนื่องจากกระแสโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับจำนวนประชากรและการพัฒนาด้านการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของยุโรป ที่จะทำให้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยุโรป 2 ล้านแห่งมีการจ้างงานประมาณ 8 ล้านตำแหน่งหรือคิดเป็น 4% ของแรงงานทั้งหมดของสหภาพยุโรป แม้จะมีธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งในอุตสหกรรมการท่องเที่ยวแต่ทว่าธุรกิจ SMEs กลับมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งถ้าคำนวณเฉพาะภายในธุรกิจการท่องเที่ยวเอง ธุรกิจนี้ได้สร้างรายได้มากกว่า 4 % ของ GDP ของสหภาพยุโรป แต่ถ้าคำนวณโดยนับธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น การขนส่ง การก่อสร้าง การค้าปลีก การผลิตของที่ระลึก ฯลฯแล้วการท่องเที่ยวสร้างรายได้ทั้งหมดจำนวนเกือบ 11%ของ GDP และสร้างงานมากกว่า 24 ล้านตำแหน่ง หรือคิดเป็นประมาณ 12% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดของสหภาพยุโรป

ยุโรป เป็นสถานที่หนึ่งที่หลายคนอยากไปสัมผัส เพราะทั้งสวยงามและโรแมนติกแบบสุดๆ เรามาดูกันว่ามีสถานที่ใดบ้างที่เป็นสถานที่โรแมนติกที่ความพาคนรัก หรือครอบครัวไป

 

เริ่มที่ Hallstatt, Austria  ฮัลสตัทท์ เสน่ห์แห่งออสเตรีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านริมทะเลสาบที่สวยที่สุดที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบที่เรียงรายลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา ความงดงามของมรดกโลกที่นี่ยังคงความโรแมนติกมาแล้วถึง 4,500 ปี

 

Budapest, Hungary   บูดาเปส ฮังการี หากใครได้ไปแล้วอาจจะหลงรัก เพราะมีบรรยากาศสุดพิเศษสองฝั่งของแม่น้ำดานูบ ที่แบ่งความเป็นเมืองเก่าที่สวยงามของศิลปะแบบโกธิค และความทันสมัยของเมืองใหม่ออกเป็นสองฝั่งได้อย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งแม่น้ำสุดโรแมนติกที่ต้องไปเยือน

Amsterdam, Netherland  อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงแห่งเนเธอร์แลนด์ ที่ยังคงความเงียบสงบพร้อมกลิ่นอายความเป็นยุโรปแบบดั้งเดิม ที่หากได้เดินชมเมือง หรือนั่งเรือหลังคากระจกชมความงดงามสองฟากฝั่งในแม่น้ำแล้วคุณอาจจะหลงไหลที่นั้นอย่างแน่นอน และและนอกจากนี้ที่ไม่ควรพลาดคือ การชมทิวลิปหลากสีหลายสายพันธุ์กว่า 7 ล้านต้น ที่เทศกาลดอกทิวลิป Keukenhof

เรื่องของอายแชโดว์

%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%8a%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b9%8c-2 %e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%8a%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b9%8c-1

เรื่องของผู้หญิงกับความสวยงามนั้นคงปฏิเสทไม่ได้ว่าเป็นของคู่กัน แต่จนกว่าคนๆหนึ่งจะสวยเพอร์เฟคได้ก็ต้องมีทั้งการเมคอัพต่างๆ นานา ซึ่งการเลือกเครื่องสําอางที่ดีนั้น ที่เหมาะกับตัวเองนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้เราออกมาดูดีและไม่ต้องกังวนกับปัญหาที่อาจจะตามมาได้ หาเราใช้สินค้าที่ไร้คุณภาพ อายแชโดว์เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการแต่งหน้าของสาวๆ เรามาดูก็ก่อนเป็นอันดับแรกเลยดีกว่าว่าอายแชโดว์นั้นมีอยู่กี่ประเภท

  1. อายแชโดว์แบบฝุ่นอัดแข็ง

อายแชโดว์แบบฝุ่น อายแชโดว์ชนิดนี้เป็นอายแชโดว์ที่เราเห็นกันอยู่โดยทั่วไป เป็นอายแชโดว์ที่สาวๆนิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจากใช้ง่าย เกลี่ยง่าย และมีสีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าแบรนด์เครื่องสำอางแบรนด์ไหนก็ต้องมีอายแชโดว์แบบฝุ่นขาย แต่ความติดทนก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแบรนด์ด้วย และเนื่องจากเป็นแบบฝุ่น ก็อาจไม่ค่อยมีความติดทนมากนักนั้นเอง

  1. อายแชโดว์แบบครีม

อายแชโดว์แบบครีม อายแชโดว์ชนิดนี้สามารถใช้อายแชโดว์แบบฝุ่นได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็กำลังเริ่มแพร่หลายมากขึ้น รูปแบบผลิตภัณฑ์จะบรรจุมาในรูปของกระปุก เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นครีมที่ค่อนข้างหนา แต่ให้สีที่ชัดเจนและติดทนนานกว่าอายแชโดว์แบบฝุ่น และสามารถนำมาทำเป็นอายแชโดว์เบสได้ด้วย

  1. อายชาโดว์แบบน้ำ

อายชาโดว์เนื้อน้ำ อายแชโดว์ชนิดนี้จะมาในแท่งคล้ายกับลิปกลอส และจะมีพู่กันเหมือนกับลิปกลอสเลย สีส่วนใหญ่จะผสมชิมเมอร์ และเนื้อผลิตภัณฑ์จะเกลี่ยง่ายกว่าอายชาโดว์เนื้อครีม มีความติดทนค่อนข้างดี และในบางยี่ห้อก็มีคุณสมบัติกันน้ำได้อีกด้วย

  1. อายแชโดว์แบบผงพิกเมนต์

อายชาโดว์แบบผง อายแชโดว์ชนิดนี้อาจไม่เป็นที่นิยทเท่าใดนัก เนื่องจากค่อนข้างใช้ยาก และมักจะร่วงมาตกบริเวณใต้ตาเสมอ แต่ช่างแต่งหน้ามืออาชีพมักจะนิยมใช้มาคลีเอทลุคต่างๆ

อุปกรณ์เซฟตี้ดียังไง

%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%9f%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b9%89

ผู้ที่ทำงานและได้รับอันตรายจากการทำงาน ส่วนใหญ่นั้นมักขาดความเอาใจใส่และประมาทในการปฏิบัติหน้าที่ ในเรื่องของสุขภาพความปลอดภัยทั้งในส่วนตัวคนงานเอง และสถานประกอบการที่ ไม่มีนโยบายเรื่องสุขภาพความปลอดภัย รวมถึงการขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบให้ความรู้ บังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่  ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าใจ และปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยโดยเคร่งครัด แล้วเราจะปลอดภัยจากอันตรายหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ ซึ่งการมีอุปกรณ์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่

สาเหตุโดยทั่วไปของอุบัติเหตุ อาจแบ่งได้ดังนี้

1.ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

มักเกิดกับบุคคลที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ หรือเข้าทำงานกับเครื่องมือ เครื่องจักรใหม่ โดยที่ไม่ได้รับคำอธิบายถึงการปฏิบัติและการทำงานของเครื่องมือเครื่องจักรโดยละเอียด จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้นั้นแอง

  1. ความประมาท

เกิดจากมีความเชื่อมั่นมากเกินไปอาจเพราะเนื่องจากทำงานมานาน จึงทำให้เกิดการละเลยไม่เอาใจใส่หรือมีทัศนคติที่ผิดๆในเรื่องความปลอดภัย หรืออาจใช้เครื่องมือเครื่องใช้ไม่ถูกต้องกับลักษณะของงานที่ทำ ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือที่ถูกต้องให้เลือกใช้ได้เหมาะสมก็ตาม

  1. สภาพร่างกายของบุคคล

ร่างกายอ่อนเพลีย หรือไม่พร้อมสำหรับการทำงาน สายตาไม่ดี หรืออาจเป็นโรคต่างๆ อาทิเช่นโรคหัวใจ เป็นต้น

  1. สภาพจิตใจของบุคคล

ขาดความตั้งใจในการทำงาน ขาดความสามารถในการควบคุมอารมณ์ในขณะทำงาน หรืออาจจะตื่นเต้นง่าย ขวัญอ่อน ตกใจง่าย

  1. อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักร มีข้อบกพร่องอาจเนื่องจากสาเหตุ อาทิเช่น ใช้เครื่องมือไม่ถูกขนาด

ใช้เครื่องมือที่สึกหรอชำรุด หรือหัก ใช้เครื่องมือที่ปราศจากด้ามหรือที่จับที่เหมาะสม ไม่ใช้เครื่องป้องกันอันตราย

การดูและรักษาที่นอนโดยใช้ผ้ารองกันเปื้อน

%e0%b8%9c%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99

หลายท่านอาจจะให้ความสนใจและลงทุนกับเตียงซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สำคัญที่สุดของห้องนอน จึงเลือกที่จะซื้อของมีราคา ดังนั้นเราจึงควรที่จะมีวิธีการรักษาให้มันมีสภาพคงทนคุ้มค่ากับราคาที่เราเสียไป ที่นอนที่ดีนั้นควรเป็นที่นอนสปริง เพราะได้รับความนิยมมากที่สุด ที่นอนแบบนี้ได้นำเหล็กมาดัดเป็นห่วงต่อเนื่องกันในลักษณะที่เป็นสปริงให้เกิดความยืดหยุ่น เพื่อรองรับน้ำหนักตัวของร่างกายได้เป็นอย่างดีนั้นเอง แต่อย่างไรก็ดีการเลือกซื้อผ้ารองกันเปื้อนนั้นเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการที่จะช่วงป้องกันสิ่งสกปรกที่อาจจะทำให้เกิดคราบมาหมักหมม

หลายท่านอาจเจอปัญหาที่นอนปกปรก แต่อยากให้ที่นอนใหม่อยู่เสมอก็ควรใช้ผ้ารองกันเปื้อน เพราะจะช่วยหุ้มและคลุมตัวที่นอนไม่ให้เกิดคราบเหลืองจากเหงื่อของเรา ซึ่งแรก ๆ ก็อาจจะไม่เห็นผลอะไรมากนักและอย่าคิดว่าผ้าปูที่นอนจะช่วยได้ เพราะผ้าปูที่นอนค่อนข้างและก็มีการซักอยู่เรื่อย ๆ แตกต่างจากที่นอนที่ไม่สามารถนำไปซักได้ ดังนั้นจึงควรใช้ผ้ารองกันเปื้อนปูรองอีกหนึ่งชั้นเพื่อกันเหงื่อและไรฝุ่นไปในตัว จริงอยู่ที่ที่นอนมีสารกันไรฝุ่นอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าสารต่าง ๆ ก็ต้องเสื่อมลงตามเวลา และเศษผิวหนังที่ตกลงบนที่นอนพอนาน ๆ เข้าก็มีปริมาณเยอะอยู่ อาจมองด้วยตาไม่เห็น แต่หากลองใช้เครื่องดูดฝุ่นดูจะเห็นเป็นกองเลย สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้แบบรุนแรง แนะนำว่าควรใช้ผ้ารองกันเปื้อนซักบ่อย ๆ รวมไปถึงเก็บกวาดฝุ่นเป็นประจำก็จะทำให้ที่นอนของเรานั้นสะอาดและน่านอนอยู่เสมอ